ครั้งแรกที่ทำให้ ทเว ทเว ซัน ตัดสินใจเดินทางออกจากประเทศเมียนมา
เธอรู้สึกว่าประเทศเมียนมาไม่มีสิ่งใดทำให้ชีวิตเธอมีความสุขได้เลยและชีวิตของเธอที่นั่นต้องต่อสู้ดิ้นรนทุกวัน
เธอมีอาหารไม่พอกิน เธอไม่มีรายได้เพียงพอที่จะทำให้เธอมีชีวิตอยู่รอดได้
เพื่อที่จะทำให้คุณภาพชีวิตของเธอดีขึ้น ทเว ทเว ซัน ตัดสินใจที่จะอพยพมายังประเทศไทย เธอจ่ายเงินให้กับนายหน้าเป็นเงิน 18,000 บาท เพื่อให้ช่วยเธอในการข้ามพรมแดนจากรัฐมอญในเมียนมามายังจังหวัดระนอง ประเทศไทย การข้ามชายแดนในครั้งนั้นยากลำบาก ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวตลอดเวลาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เธอต้องหลบอยู่ในวัดบนเกาะแห่งหนึ่งที่ห่างไกลจากผู้คนในรัฐมอญเป็นเวลากว่า 5 วันเพื่อรอเวลาที่เหมาะสมในการข้ามแม่น้ำมายังประเทศไทยอย่างปลอดภัย
เนื่องจากเธอไม่มีเอกสารเข้ามาในประเทศไทย การเดินทางจากจังหวัดระนองมากรุงเทพฯ ของเธอจึงต้องทำอย่างหลบๆซ่อนๆ โดยมีเป้าหมายที่จะมาพักอาศัยอยู่กับพี่สาวของเธอที่ทำงานอยู่ในตลาดปลา เมื่อมาถึง เธอทำงานทุกอย่างโดยไม่เลือกเพื่อให้สามารถเลี้ยงตัวเองได้ นอกจากนี้ เธอมีโอกาสได้พบกับแรงงานข้ามชาติเช่นเดียวกับเธอที่ไม่ได้จดทะเบียน และเข้าเมืองมาอย่างผิดกฎหมายจำนวนมาก รวมถึงชายที่ต่อมาได้กลายเป็นสามีของเธอด้วย หลังจากแต่งงานกัน ทั้งสองได้ตัดสินใจย้ายกลับไปประเทศเมียนมาเนื่องจากการใช้ชีวิตในประเทศไทยเป็นเรื่องยาก เพราะไม่มีงานเป็นหลักเป็นแหล่ง และไม่ได้เป็นแรงงานที่ถูกกฎหมาย
ครั้งที่สองที่ ทเว ทเว ซัน ออกจากประเทศเมียนมา เธอต้องการหาเงินเพื่อที่จะส่งกลับไปให้ครอบครัว ถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่มีเอกสารที่จะทำให้เธอทำงานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่เธอก็ได้งานที่ร้านแห่งหนึ่งที่ให้ค่าตอบแทนที่ดี เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ภายหลังเธอตั้งครรภ์และตัดสินใจเดินทางกลับเมียนมาก่อนที่เธอจะคลอดลูกเนื่องจากเธอไม่มีสิทธิ์เข้าถึงบริการสาธารณสุขสำหรับการตั้งครรภ์ในประเทศไทย
ครั้งที่สาม ทเว ทเว ซัน ได้กลับมาประเทศไทยอีกครั้งเพื่อต้องการทำงานและส่งเงินกลับไปให้ครอบครัวเช่นเคย แต่ครั้งนี้เธอมีเอกสารเดินทางและเอกสารการทำงานอย่างถูกต้องในประเทศไทย ปัจจุบันเธอทำงานอยู่ในสวนปาล์มกับน้องชาย
น้องชายของ ทเว ทเว ซัน, ชื่อ โพยน มึ มึ อายุ 29 ปี เดินทางมาประเทศไทยเมื่อ 8 ปีที่แล้ว
โพยน มึ มึ เดินทางข้ามชายแดนด้วยความยากลำบากเช่นเดียวกับพี่สาว หลังจากที่เดินทางโดยรถมาถึงบริเวณชายแดนติดกับประเทศไทยแล้ว เขาเดินเท้าข้ามมายังประเทศไทยและเปลี่ยนมาขึ้นรถอีกคันหนึ่งเพื่อเข้ามายังประเทศไทยทางอำเภอแม่สอด จังหวัดตากพร้อมด้วยแรงงานจากเมียนมาอีก 9 คน ซึ่งทั้งหมดอัดแน่นอยู่บนรถคันเดียวกันเป็นเวลากว่า 3 วันเพื่อมุ่งหน้าสู่ภาคใต้ ต่อจากนั้นพวกเขาทั้งหมดเดินทางต่อในช่วงกลางคืนและหลบซ่อนตัวในป่าในช่วงกลางวัน หลังจากอาศัยอยู่ในประเทศไทยได้ 1 ปีเขาก็ได้รับเอกสารสำคัญต่างๆ เพื่อทำงาน
ทเว ทเว ซัน และน้องชายทำงานเป็นแรงงานตัดปาล์ม โดยทำงานตั้งแต่ 8 โมงเช้าจนถึง 5 โมงเย็นของทุกวัน ค่าแรงที่ได้รับขึ้นอยู่กับจำนวนและขนาดของปาล์มที่ตัดได้ สำหรับปาล์มต้นเล็กพวกเขาจะได้เงินประมาณ 4-5 บาท ต่อกิโลกรัม หากเป็นปาล์มต้นใหญ่อาจจะได้เงินถึง 10 บาท ต่อกิโลกรัม เมื่อตัดปาล์มเสร็จเจ้าของสวนปาล์มจะเก็บลูกปาล์มเพื่อส่งขายให้กับโรงงานต่อไป เงินที่ได้รับมานั้นจะถูกนำมาแบ่งกัน โดยเฉลี่ยแล้วพวกเขาจะทำเงินได้ประมาณ 500 บาทต่อวัน แต่เนื่องจากเงินค่าจ้างขึ้นอยู่กับจำนวนและน้ำหนักของลูกปาล์มที่ตัดได้ รายได้ของพวกเขาจึงไม่มีความแน่นอน
ภาพโดย Luke Duggleby