ชื่อ: เม เย จอ
อายุ: 24 ปี
ภูมิลำเนา: เมืองเมาะลำเลิง รัฐมอญ ประเทศเมียนมา
สถานที่ทำงานปัจจุบัน ตำบลคึกคัก จังหวัดพังงา ประเทศไทย
หลังจากที่ เม เย จอ จำเป็นต้องลาออกจากการเรียนเนื่องจากเกิดเหตุการณ์รัฐประหารในเมียนมา เธอสมัครงานเป็นพยาบาลฝึกหัดที่โรงพยาบาลท้องถิ่นในเมืองเมาะลำเลิง ซึ่งพี่สาวของเธอทำงานอยู่ที่นั่น แต่สถานการณ์ที่อันตรายและค่าตอบแทนที่ไม่เพียงพอทำให้ เม เย จอ ตัดสินใจออกเดินทางเพื่อแสวงหาอนาคตที่ดีกว่าในประเทศไทย ซึ่งแม่ของเธอเคยอาศัยอยู่มานานกว่า 30 ปี และกลับประเทศไปช่วงก่อนเกิดรัฐประหาร
ในปี พ.ศ.2565 เม เย จอ เดินทางออกจากเมียนมาพร้อมกับแม่และพี่สาว เนื่องจากมองไม่เห็นโอกาสใดๆ ที่นั่น พวกเขาจ้างนายหน้าเพื่อพาข้ามชายแดน โดยการเดินทางไปยังชายแดนนั้นต้องใช้เวลาถึง 3 วัน โดยรถโดยสาร เนื่องจากมีการประกาศเคอร์ฟิว ทำให้รถโดยสารไม่สามารถเดินทางในเวลากลางคืนได้ พวกเขาพักค้างคืนที่โรงแรมก่อนออกเดินทางต่อในเช้าวันถัดไป
เมื่อไปถึงชายแดนแล้ว เม เย จอ ข้ามพรมแดนด้วยใบอนุญาตเข้าประเทศไทยแบบ 7 วัน ซึ่งอนุญาตให้ครอบครัวของเธอพักอาศัยภายในรัศมี 30 กิโลเมตรจากชายแดนเท่านั้น ทั้งนี้ เธอตั้งใจจะเดินทางไปตำบลคึกคัก จังหวัดพังงา เพื่อไปหาพี่ชายซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่น พวกเขาต้องเสียค่าใช้จ่าย 20,000 บาท ต่อคนให้กับนายหน้าอีกรายเพื่อช่วยในการเดินทาง
สามวันหลังจากเดินทางไปถึงจุดหมาย เม เย จอ ได้งานทำอย่างถูกต้องตามกฎหมายที่ร้านอาหารในพื้นที่ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยได้รับค่าจ้าง 450 บาท ต่อวัน ทำงานตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. ซึ่งรวมทั้งวันเสาร์-อาทิตย์ นายจ้างของ เม เย จอ ลงทะเบียนให้เธอเข้าร่วมโครงการเรียนภาษาไทยของรัฐบาล และอนุญาตให้เธอลางานเพื่อไปเรียนได้สองชั่วโมงครึ่งทุกวันอาทิตย์
เม เย จอ รู้สึกปลอดภัยในประเทศไทยมากกว่าที่บ้าน และตระหนักถึงโอกาสที่จะหารายได้ที่สูงขึ้นพร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม เธอหวังว่าจะได้กลับไปเมียนมาหากสถานการณ์ในประเทศกลับสู่สภาวะปกติ โดยสิ่งที่เธอกังวลในตอนนี้คือเรื่องการเรียกเก็บภาษีจากแรงงานของรัฐบาลทหารเมียนมาจำนวน 150 บาท และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากเธอไม่ชำระภาษี
ภาพ: ลุค ดักเกิลบี