จากบ้านเกิดในเมืองกะเล ภูมิภาคสะกาย ประเทศเมียนมา ติน ซา อู อายุ 28 ปี ปัจจุบันอาศัยอยู่กับสามีของเธอในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ประเทศไทย ในขณะที่ลูกชายของเธออยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมากับญาติๆ ติน ซา อู คิดอยากจะออกเดินทางจากบ้านเกิดอยู่ตลอดเวลา และในปี พ.ศ. 2553 เธอได้ข้ามชายแดนมายังประเทศไทยได้สำเร็จ เธอทำงานรับใช้คู่สามีภรรยาคู่หนึ่งในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยรับค่าจ้าง 3,000 บาทต่อเดือน
ชีวิตเธอก็ดูเหมือนว่าจะไปได้ดี จนกระทั่งในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เธอถูกรถบรรทุกชนได้รับบาดเจ็บสาหัสที่แขน ขา และศีรษะ ติน นอนหมดสติอยู่ในโรงพยาบาลหลายสัปดาห์และสูญเสียความทรงจำเนื่องจากสมองได้รับการกระทบกระเทือน
เนื่องจากเป็นแรงงานข้ามชาติ ตินไม่รู้ถึงสิทธิที่ตัวเธอมี อีกทั้งยังไม่รู้กฎหมาย และคิดว่าเธอจะไม่ได้รับการคุ้มครองและการช่วยเหลือใดๆ
ตินต้องการความช่วยเหลือ
โชคเข้าข้างติน เจ้าหน้าที่ของ The Freedom Story รับทราบเรื่องของเธอ และได้ยื่นมือให้ความช่วยเหลือ The Freedom Story เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนที่อยู่ในจังหวัดเชียงราย ได้รับการสนับสนุนจากโครงการต่อต้านการค้ามนุษย์ในประเทศไทย สนับสนุนโดยองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา เพื่อให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมายและให้ความรู้และข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับแรงงานข้ามชาติที่มีสถานะเช่นเดียวกับติน หลังจากที่ได้รับคำปรึกษา ติน ซา อู และสามีของเธอตัดสินใจที่จะเรียกร้องค่าเสียหายกับบริษัทของคนขับรถบรรทุก แต่ก็ต้องล้มเลิกความคิดนี้ภายหลังที่เธอถูกข่มขู่จากนายจ้างของคนขับคู่กรณี เนื่องจากทั้งตินและสามีอาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับบริษัทรถบรรทุก ซึ่งทั้งคู่ไม่ต้องการสร้างศัตรูที่จะทำให้พวกเขาไม่สามารถอยู่และทำมาหากินได้อย่างสงบสุข
ติน ซา อู ตัดสินใจที่จะก้าวต่อไป เนื่องจากมันเป็นสิ่งเดียวที่เธอทำได้ในตอนนั้น
นับตั้งแต่ประสบอุบัติเหตุ ชีวิตของตินก็ไม่เหมือนเดิม เธอไม่สามารถเดินหรือพูดได้อย่างที่เคยทำ แต่แทนที่จะยอมแพ้ เธอกลับลุกขึ้นมาสู้ชีวิตอีกครั้งด้วยการรับจ้างล้างจานที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแลกกับเงินเดือนละ 4,000 บาท
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ของ The Freedom Story ยังคงติดตามและให้ความรู้เรื่องสิทธิแรงงานกับตินอย่างต่อเนื่อง
“ตินชอบที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ เธอเป็นคนที่กระตืนรือร้น และใช้เวลาว่างที่เธอมีอยู่เพื่อชักชวนเพื่อนๆให้มาเข้าร่วมเรียนรู้กับเธอ ฉันเลยเชิญชวนให้เธอมาเป็นอาสาสมัครให้กับเรา” เจ้าหน้าที่ประสานงานภาคสนามของ The Freedom Story กล่าว
ถึงแม้ว่าตินกำลังเผชิญกับปัญหาทางสุขภาพ แต่เธอก็ใช้ประสบการณ์ของตัวเองที่มีอยู่และความรู้ต่างๆมาแบ่งปันและช่วยเหลือคนอื่นๆ เธอยังคงไม่ลืมอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น และความช่วยเหลือต่างๆ ทำให้เธอมีความมั่นใจที่จะลุกขึ้นสู้ ตอนนี้ตินรู้แล้วว่าความรู้เป็นเครื่องมือสำคัญในการเอาตัวรอด สำหรับตินแล้วการช่วยให้คนอื่นๆ รู้ถึงสิทธิของตนเองกลายเป็นเป้าหมายที่สำคัญสำหรับเธอ และเห็นความสำคัญของการช่วยเหลือชุมชนของเธอเอง
ภาพโดย สุเทพ กฤษณาวารินทร์